ทำเรซูเม่ออนไลน์

ทำเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

ทำเรซูเม่ของฉัน

ทำเรซูเม่
หลักการเขียนเรซูเม่ที่ดี แบบมืออาชีพ

หลักการเขียนเรซูเม่ที่ดี แบบมืออาชีพ

By: | 3 ธันวาคม | 53,175 views | 1,001 shares


เรซูเม่ (resume) คือเอกสารสรุปเกี่ยวกับประวัติการทำงานส่วนบุคคล เพื่อใช้ส่งสมัครงาน เรซูเม่ถือว่าเป็นเอกสารสำคัญที่สามารถบ่งบอกได้อย่างมีนัยะสำคัญเลยว่าคุณจะมีโอกาสได้งานมากหรือน้อยขนาดไหน ดังนั้นคุณจะได้เปรียบมากหากคุณรู้หลัก การเขียนเรซูเม่ที่ดี แบบมืออาชีพ

วันนี้ทีมงานเว็บเรซูเม่อินไทย จะมาเจาะลึกแบบหมดเปลือกถึงหลักการเขียนเรซูเม่ ที่มืออาชีพเขาใช้กัน อย่ารอช้า เตรียมไปดูข้อมูลได้เลย

หลักการเขียนเรซูเม่ที่ดี

ให้ใช้หลักการต่อไปนี้เพื่อเขียนเรซูเม่ที่ดีของตัวเอง

1. เริ่มต้นจากการเลือกใช้รูปแบบของเรซูเม่ที่เหมาะสม

รูปแบบของเรซูเม่ คือวิธีการนำเสนอข้อมูลในเรซูเม่ของคุณ จะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ

เรียงตามเวลา (Chronological)

เรซูเม่ที่เรียงตามเวลา จะนำเอาข้อมูลล่าสุดใส่เอาไว้ข้างบน และข้อมูลเก่ากว่าอยู่ด้านล่างลงไปเรื่อย ๆ เป็นรูปแบบของเรซูเม่ที่มีการใช้งานกันมากที่สุด

เรียงตามฟังก์ชัน (Functional)

เรซูเม่ที่แตกต่างจากเรซูเม่ทั่วไป แทนที่จะเน้นประวัติการทำงานจากล่าสุดลงไปจนถึงประวัติเก่าๆ แต่เรซูเม่แบบฟังก์ชันนี้จะเน้นแสดงความสามารถ หรือสกิลต่าง ๆ ที่คุณสามารถทำได้อยู่ด้านบน ส่วนมากแล้วจะใช้งานกันในเวลาที่คุณมีช่วงเวลาว่างงาน ที่ไม่สามารถใช้เรซูเม่แบบช่วงเวลาได้

แบบผสมผสาน (Hybrid)

เรซูเม่ที่ผสมทั้งสองแบบเข้ากันอย่างลงตัว โดยจะใช้งานในโอกาสที่สกิล ความสามารถ และใบอนุญาตต่างๆ มีความสำคัญพอ ๆ กันกับประสบการณ์ทำงาน ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กันในสายงานเฉพาะทาง หรืองานที่จำเป็นต้องใช้ใบอนุญาต เช่น งานไอที,  งานทางด้านสุขภาพ,  งานวิศวกร,   งานสถาปนิก หรือ งานทางด้านกฎหมาย

2. ใส่ชื่อ และข้อมูลติดต่อเบื้องต้น

ใส่ชื่อ นามสกุลของตัวเอง พร้อมทั้งข้อมูลติดต่อ อีเมล์ และหมายเลขโทรศัพท์ให้ชัดเจนและถูกต้อง ส่วนไลน์ไอดี ถ้าเลือกได้ไม่ใส่มันลงไปจะดีกว่า เพราะว่า HR เองก็ไม่อยากใช้ไลน์ส่วนตัวติดต่อกับคุณ โดยเฉพาะในบริษัทใหญ่ ๆ

ส่วนในสายงานบางสายงานที่จะต้องมีการแสดงพอร์ทโฟลิโอ คุณก็สามารถใส่ลิงก์ของพอร์ทโฟลิโอของคุณได้ในส่วนนี้

3. ใส่ Career Objective ให้ตรงกับตัวคุณ

Career objective ก็คือข้อความสรุปสั้นๆ ไม่เกิน 2-3 บรรทัด ที่อธิบายสั้นๆว่าเป้าหมายในการทำงานของคุณคืออะไร ในระยะสั้น และระยะยาว ทำให้ HR สามารถทำความรู้จักกับคุณได้อย่างรวดเร็ว และถ้า Career objective ของคุณตรงกับตัวคุณ และ HR ก็ถูกใจล่ะก็ เรซูเม่ของคุณจะถูกอ่านอย่างละเอียดเลยล่ะ

4. ใส่ประสบการณ์ทำงาน

ประสบการณ์ทำงาน คือส่วนที่สำคัญที่สุด อันดับ 1 ไม่ก็อันดับ 2 ในเรซูเม่เลยล่ะ โดยส่วนนี้คุณจะต้องใส่ชื่อบริษัท ชื่อตำแหน่งงาน ระยะเวลาทำงานที่ชัดเจน ตั้งแต่เดือนอะไรปีไหน จนถึงเดือนอะไรปีไหน คุณยังทำงานนั้นอยู่หรือเปล่า ฯลฯ

ส่วนสำคัญที่สุดของ ประสบการณ์ทำงาน ก็คือ รายละเอียดเนื้องานที่คุณได้ทำ ให้คุณใช้เวลาส่วนใหญ่ของการเขียนเรซูเม่เพื่อใส่ประสบการณ์ทำงานตรงนี้ให้ละเอียด สรุปเป็นหัวข้อๆ และใส่เป็นบุลเล็ต เพื่อให้อ่านง่าย ใช้ประมาณ 3-5 บุลเล็ตต่อ 1ตำแหน่งงานที่คุณเคยทำ

แทนที่จะใส่ลงไปอย่างน่าเบื่อว่าหน้าที่ของคุณคืออะไร ลองใส่ไปว่า คุณทำมันได้ดีขนาดไหน ดูสิรับรองว่าดีกว่าเดิมแน่นอน

เทคนิคการใส่ประสบการณ์ทำงานให้ดีแบบมืออาชีพ

  • ใส่ลงไปว่า คุณทำงานของคุณได้ดีขนาดไหน
  • ใช้ตัวเลขประกอบด้วย เช่น
    • คุณทำงานในคลังสินค้า และคิดค้นวิธีเก็บสินค้าแบบใหม่ ที่สามารถเก้บสินค้าได้นานขึ้น 20%
    • คุณทำงานส่งพิซซ่า คิดวิธีคุยกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าพอใจสูงติดต่อกัน 5 เดือน
    • คุณเป็นฝ่ายธุรการดีเด่น 3 เดือนซ้อน
    • เห็นไหมว่าไม่จำเป็นจะต้องเป็นตำแหน่งสูงอะไรเลย ตำแหน่งงานไหนก็ได้ ขอให้คุณรู้จักตัวเอง ไม่ทำงานไปวันๆก็พอแล้ว
  • ใช้คีย์เวิร์ดให้เต็มที่ เพราะว่าถ้าใส่คีย์เวิร์ดลงไปในเรซูเม่ของคุณแล้ว จะค้นหาได้ และจะทำให้ได้เปรียบกว่าคู่แข่งคนอื่นที่ทำเรซูเม่เป็นรูปภาพที่ค้นหาไม่ได้
  • ทำให้กระชับที่สุด คุณไม่จำเป็นจะต้องใส่น้ำเยอะเพื่อทำให้มันดูเยอะ กลับกัน HR จะขอเนื้อเน้น ๆ เนื้อล้วน ๆ เน้นคุณภาพไปเลย
  • ใช้คำที่มีความหมายในทางบวก

ถ้าคุณเป็นเด็กจบใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อนล่ะก็ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงไปแทนนะ

5. ใส่ประวัติการศึกษา

คุณรู้ไหมว่า ข้อมูลประวัติการศึกษามีความสำคัญเป็นลำดับประมาณ 2-3 เท่านั้น และ HR เองก็ต้องการอ่านสั้นๆแค่ว่าคุณจบจากที่ไหนมา คณะอะไรเท่านั้น แต่ผู้สมัครงานส่วนใหญ่กลับใช้เนื้อที่ส่วนมากของเรซูเม่ตัวเองไปกับข้อมูลในส่วนนี้ คำแนะนำของเราคือ ขอให้แบ่งพื้นที่ประมาณไม่เกิน 10-15% หรือไม่เกิน 6-7 บรรทัดของเรซูเม่ของคุณเพื่อเขียนประวัติการศึกษาก็เพียงพอแล้ว เขียนให้กระชับ สรุปเนื้อเน้นๆ ใช้พื้นที่ให้คุ้มค่า

  • ชื่อสถานศึกษา
  • วุฒิ
  • ชื่อคณะ
  • ชื่อวิชาเอก
  • ระยะเวลาที่เรียน
  • GPA (ในกรณีที่เกิน 3.00)

เวลาเขียนประวัติการศึกษา ให้เขียนเรียงจากสถานศึกษาล่าสุดอยู่ด้านบนก่อน จะทำให้อ่านเรซูเม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น

6. ใส่สกิลต่างๆ

สกิลต่างๆรวมไปถึง ความสามารถทางด้านภาษา ซึ่งตรงนี้ทุกคนคงจะได้อย่างน้อยภาษาไทยล่ะนะ ต่อมาก็คือภาษาอังกฤษที่เรียนกันมาในหลักสูตรภาคบังคับ (เด็กอนุบาลเดี๋ยวนี้พูดอังกฤษกันคล่องมาก ใครไม่เก่งอังกฤษ อายเด็กอนุบาลตายเลย)

และสกิลสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณสมัคร เช่น

  • สมัครพนักงานขับรถ ก็ต้องใส่สกิลขับรถ
  • สมัครงานคอมพิวเตอร์ ก็ต้องใส่สกิลคอมพิวเตอร์
  • สมัครงานนักดนตรี ก็ต้องใส่สกิลดนตรี
  • เป็นต้น

แนะนำ: สอนลงทะเบียนว่างงาน อย่างละเอียด

7. ใช้ขนาดกระดาษ และขนาดตัวอักษรที่เหมาะสม

ถ้าคุณสมัครงานในประเทศไทย ก็จะต้องใช้กระดาษขนาด A4 เขียนเรซูเม่ และใช้ขอบกระดาศขนาด 1 นิ้ว ใช้ฟอนต์มาตรฐาน ที่สามารถอ่านได้ในคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง และก็อย่าลืมว่าให้ใช้ตัวอักษรสีดำบนกระดาษสีขาวเท่านั้น

8. ตรวจสอบ และตรวจทานให้ดีก่อนส่ง

ตรวจเช็คเรูซเม่ของคุณให้ดีว่าตัวสะกด แกรมม่าร์ต่างๆถูกต้องไหม เดี๋ยวนี้ไม่ต้องเก่งอังกฤษก็มีโปรแกรมคอมพิวเตอร์ช่วยตรวจทานตัวสะกดและแกรมม่าร์แล้ว ดังนั้นใช้มันให้เป็นประโยชน์นะ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องตรวจทานในการเขียนเรซูเม่ของคุณ ให้ลองอ่านบทความเกี่ยวกับ การตรวจทานเรซูเม่ ของเราเพิ่มเติมได้

9. เขียนเรซูเม่ใหม่ทุกครั้งที่สมัครงานตำแหน่งที่แตกต่างออกไป

การเขียนเรซูเม่ใหม่ทุกครั้งที่คุณสมัครงานในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไปมีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะว่าคุณจะต้องเลือกที่จะใส่คีย์เวิร์ดต่าง ๆ ให้ตรงกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครอยู่ มันไม่ดีแน่ ถ้าคุณเขียนเรซูเม่โดยใส่ประสบการณ์ทางด้านช่างเต็มไปหมด แต่ดันไปสมัครงานธุรการแทน ดังนั้นให้เขียนเรซูเม่ใหม่ทุกครั้งที่สมัครงานตำแหน่งที่แตกต่างออกไป

ถ้าหากว่าไม่รู้ว่าบริษัทต้องการอะไรในเรซูเม่ ก็ให้ไปดูที่ job description ก่อนเลย เพราะตรงนั้นจะมีรายละเอียดและ คุณสมบัติ มากที่สุดแล้ว และให้เขียนเรซูเม่ของคุณตาม job description เลยจะได้ผลดีที่สุด

สร้างเรซูเม่สมัครงาน
ประสิทธิภาพสูง

สร้างเรซูเม่สมัครงาน ที่แสดงถึงความเก่งกาจของคุณออกมาได้ดีที่สุด
พิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการสมัครงาน ใช้งานได้จริง สมัครแล้วได้งานเร็ว

เริ่มใช้งานฟรี

แบ่งปันบทความดีๆให้เพื่อนฝูง


Tags: #เรซูเม่ #เรซูเม่สมัครงาน #เขียนเรซูเม่

ขอบคุณ:

บทความดีๆ เกี่ยวกับเรซูเม่

ตัวอย่าง Career Objective นักวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective นักวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective ที่น่าสนใจสำหรับตำแหน่งงานวิเคราะห์ข้อมูล สายงานต่างๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักศึกษาจบใหม่หรือมีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว ก็สามารถนำไปปรับ
Soft Skills ที่ควรใส่ลงในเรซูเม่ สมัครงาน

Soft Skills ที่ควรใส่ลงในเรซูเม่ สมัครงาน

Soft skills ในเรซูเม่สมัครงาน คือทักษะด้านอารมณ์ สังคม และความคิด ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานร่วมกับผู้อื่น การแก้ปัญหา การประสบความสำเร็จในอาชีพ soft skills
ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่สายไอที นักศึกษาจบใหม่ ไม่มีประสบการณ์

ตัวอย่างเรซูเม่นักศึกษาจบใหม่สายไอที ไม่มีประสบการณ์ เรซูเม่เปรียบเสมือนประตูสู่ความสำเร็จในการสมัครงานเพราะเป็นเอกสารแรกที่นายจ้างจะได้เห็น โดยเฉพาะสายไอที
เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ

ในกลุ่มเด็กจบใหม่ ประสบการณ์ฝึกงานที่ตรงสายกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก และสามารถสร้างความได้เปรียบให้คุณเหนือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
วิธีเซฟไฟล์เรซูเม่ .pdf ลงใน iPhone ของคุณ

วิธีเซฟไฟล์เรซูเม่ .pdf ลงใน iPhone ของคุณ

วิธีการเซฟไฟล์เรซูเม่ .pdf ที่คุณสร้างจากเว็บไซต์ resume.in.th ลงใน iPhone ของคุณกันครับ เป็นวิธีที่ค่อนข้างง่าย และเป็นขั้นเป็นตอนชัดเจน พร้อมรูปประกอบด้วย
เรซูเม่พยาบาล และตัวอย่างการเขียนเรซูเม่พยาบาล

เรซูเม่พยาบาล และตัวอย่างการเขียนเรซูเม่พยาบาล

การเขียนเรซูเม่ของพยาบาลให้ดี แสดงจุดสำคัญของพยาบาลออกมา จะทำให้องค์กรที่คุณไปสมัครงาน รู้จักตัวคุณได้ทันที และเรียกสัมภาษณ์งานได้อย่างรวดเร็ว ได้งานไวทันใจ
ขนาดกระดาษ และขอบกระดาษที่ใช้กับเรซูเม่มาตรฐาน

ขนาดกระดาษ และขอบกระดาษที่ใช้กับเรซูเม่มาตรฐาน

หากสมัครงานในประเทศไทย ก็ให้ใช้กระดาษ A4 พร้อมกับตั้งค่าขอบกระดาษให้ไม่ตกขอบ จะได้ไม่ผิดพลาด ส่วนการสมัครงานที่ประเทศอื่น ก็ให้ใช้ขนาดกระดาษมาตรฐานของประเทศ
ตัวอย่างเรซูเม่ โปรแกรมเมอร์ พร้อมวิธีเขียนอย่างละเอียด

ตัวอย่างเรซูเม่ โปรแกรมเมอร์ พร้อมวิธีเขียนอย่างละเอียด

โปรแกรมเมอร์ เป็นสายงานที่จะต้องเขียนเรซูเม่ลงลึกไปในด้านสายงานโดยเฉพาะ จึงทำให้ เรซูเม่ของโปรแกรมเมอร์ เขียนยากโดยที่ไม่มีข้อมูลหรือเห็นตัวอย่างดีๆ มาก่อน
ตัวอย่าง Career Objective ของนักบัญชีสายงานต่างๆ

ตัวอย่าง Career Objective ของนักบัญชีสายงานต่างๆ

รวมตัวอย่างจุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective) ของงานบัญชีโดยเฉพาะมาไว้ด้วยกันแล้ว เลือกใช้ได้ตามต้องการเลย เราแบ่งออกเป็นตามประสบการณ์ทำงานเอาไว้แล้ว
วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

วิธีการใส่บุคคลอ้างอิง ลงในเรซูเม่

บุคคลอ้างอิง คือ บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและสามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้สมัครงานได้อย่างตรงไปตรงมาและเชื่อถือได้ บุคคลอ้างอิงที่เหมาะสมควรเป็นบุคคลที่รู้
วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

วิธีการใส่ใบอนุญาต ลงในเรซูเม่ ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การใส่ใบอนุญาตลงในเรซูเม่ แสดงให้เห็นถึงความรู้ ทักษะ หรือความสามารถเฉพาะด้านที่มี ทำให้เรซูเม่น่าสนใจและโดดเด่นมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการได้งาน เลื่อนตำแหน่ง
วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการใส่คอร์สเรียน และใบประกาศลงในเรซูเม่อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคนิคดีๆ ระบุชื่อคอร์สเรียน หรือใบประกาศ ระบุชื่อสถาบันการศึกษาหรือหน่วยงานที่จัดหลักสูตร ระบุวันที่เริ่มเรียนและวันที่จบ ระบุคะแนนหรือเกรดเฉลี่ย (ถ้ามี)

เราได้รับความไว้วางใจจาก ผู้สมัครงานทั่วประเทศไทย

ตัวเลขเหล่านี้เป็นหลักฐานว่าทำไมถึงมีคนใช้งานเยอะ

800K

เรซูเม่ทั้งหมดที่สร้าง

30

ธีมเรซูเม่

215

สาขาอาชีพ

1.5K

จำนวนผู้ติดตาม