สวัสดีครับ วันนี้ทีมงาน เรซูเม่อินไทย ก็กลับมาให้ความรู้ดี ๆ กันอีกเช่นเคย ซึ่งเรื่องที่เราจะพูดถึงกันในวันนี้นั้นเกี่ยวกับการฝึกงานครับ ใช่แล้ว การฝึกงานถือว่าเป็นวิชาบังคับของหลายๆมหาวิทยาลัยในหลักสูตรปริญญาตรี ซึ่งในแต่ละที่เองก็จะมีกฎเกณฑ์ที่ไม่เหมือนกันเลย บางมหาวิทยาลัยอาจจะให้นักศึกษาดำเนินการเองทั้งหมดตั้งแต่เลือกบริษัท ยันส่งใบสมัคร บางมหาวิทยาลัยก็จะมีรายชื่อบริษัทที่รับเด็กฝึกงานเอง แล้วให้เด็กส่งใบสมัคร เป็นต้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในหลายๆบริษัทก็ยังคงต้องใช้เรซูเม่เพื่อสมัครฝึกงานเองอยู่ดี ในวันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีการเขียน เรซูเม่ฝึกงาน ของนักศึกษา ให้โดนใจ ได้ฝึกงานบริษัทดี ๆ ตำแหน่งโดน ๆ กันนะครับ ทีมงานเรซูเม่ได้เรียบเรียงออกมาเป็นข้อ ๆ ให้อ่านง่ายกันแล้ว พร้อมแล้วก็ไปดูกันได้เลย
1. เรซูเม่ คือกระดาษหนึ่งแผ่น ที่แนะนำตัวเราให้กับบริษัทได้รู้จักอย่างคร่าวๆ
เรซูเม่ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักศึกษาฝึกงาน ที่หลายๆคนก็จะไม่ค่อยเข้าใจว่าเรซูเม่มันคืออะไรกันแน่ สรุปคร่าวๆสั้นๆเลยก็คือ เรซูเม่ (resume) คือ กระดาษหนึ่งแผ่น ที่แนะนำตัวเราให้กับบริษัทได้รู้จักอย่างคร่าว ๆ เป็นกระดาษที่อธิบายถึงตัวเราในด้านอาชีพการทำงาน แต่สำหรับเด็กฝึกงานแล้ว ทุกคนก็ยังไม่เคยผ่านการทำงานมาก่อน เรซูเม่เด็กฝึกงานจึงเป็นเรซูเม่ที่อธิบายถึงความสนใจในการทำงาน ความสนใจในการเลือกคณะและวิชาเรียนที่มหาวิทยาลัย หากคุณต้องการได้ที่ฝึกงานดี ๆ ตรงกับที่เรียนมาแล้วล่ะก็ จะต้องตั้งใจ เขียนเรซูเม่ ให้ดีเป็นพิเศษเลย
เรซูเม่นี้โดยปกติแล้วจะทำในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะทำด้วยโปรแกรมต่าง ๆ เช่น Microsoft Word หรือ Photoshop รวมไปถึงการทำเรซูเม่ออนไลน์ผ่านเครื่องมือต่างๆ อย่างเว็บ resume.in.th ของเราก็มีโปรแกรมสร้างเรซูเม่สำหรับนักศึกษาฝึกงานด้วยเช่นกัน ใครสนใจก็เข้าไปสร้างเรซูเม่กันได้นะ
เมื่อได้เรซูเม่แล้ว ก็จะสามารถส่งได้สองช่องทางด้วยกันคือ
- ดิจิตัล ซึ่งจะส่งกันทางอีเมล์เป็นหลัก ไม่แนะนำให้ส่งไปหาบริษัทผ่านไลน์นะ เพราะว่าในโลกการทำงาน อีเมล์ถือเป็นช่องทางสื่อสารหลักอย่างเป็นทางการ ส่วนไลน์เอาไว้คุยกันส่วนตัวมากกว่า
- ปรินท์ออกมาเป็นกระดาษแล้วส่งจดหมายไปให้แผนกบุคคล ตรงนี้หลายคนอาจจะแย้งว่า เฮ้ยทำไมโลกนี้มันไปไกลมากแล้ว ทำไมยังไดโนเสาร์ใช้กระดาษอยู่อีก คำตอบคือ ก็ไดโนเสาร์จริง ๆ น่ะแหล่ะ บางบริษัทก็ยังรับสมัครงานผ่านช่องทางเดิม ๆ อยู่ ว่าแต่เราจะสมัครไหมล่ะ?
2. เริ่มต้นให้ดีด้วย Career Objective
Career Objective ก็คือจุดมุ่งหมายในการทำงานของเรา บางคนจะเรียกเป้าหมายในการทำงานก็ได้ มันคือตัวเดียวกันนั่นแหล่ะ ซึ่ง Career Objective อันนี้จะเป็นตัวที่มีความสำคัญที่สุดที่บริษัทจะใช้พิจารณาเด็กฝึกงานแต่ละคน เป็นคน ๆ ไป ส่วนมากแล้วเด็กฝึกงานที่ได้งานดี ๆ ในบริษัทดี ๆ มักจะเขียน Career Objective ของตัวเองที่แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ข้างหน้า ไม่ลอกใครมา
ลองดูตัวอย่างของ Career Objective ที่ดีกัน:
- ผมอยากเป็นวิศวกรที่เก่ง
- ผมอยากทำงานในสายธุรกิจ และกลายเป็นผู้มีชื่อเสียงในวงการนี้
- ผมอยากฝึกงานที่สำนักงานทนายความ เพราะในอนาคตผมอยากเป็นทนายที่มีความสามารถ
ทีนี้ลองดูตัวอย่างของ Career Objective ที่แย่ๆกันบ้าง:
- หนูไม่รู้จะทำงานอะไร หนูอยากลองดู พี่ให้โอกาสหนูนะ
- หนูมีธุรกิจของที่บ้าน อยากมาทำงานฆ่าเวลา
- หนูเรียนบัญชีมา ไม่ชอบเลย อยากลองทำงานในสายนักแสดงดูบ้าง
3. การเขียนเรซูเม่ฝึกงานที่ดี จะต้องเน้นไปที่คณะ และวิชาเอกของเรา
ส่วนมากแล้วบริษัทฝึกงานก็จะเลือกนักศึกษาฝึกงานจากชื่อคณะ และชื่อวิชาเอก เช่นบริษัทถ่ายทำหนัง เปิดรับสมัครนักศึกษาฝึกงานออกงานกองถ่าย ก็จะเลือกเฉพาะนักศึกษาเอกที่เกี่ยวข้องกับการถ่ายทำหนังเท่านั้น เพราะได้เรียนมา เป็นต้น
ดังนั้นเรซูเม่ฝึกงานจะต้องเต็มไปด้วยรายละเอียดการเรียนของเรา ชื่อคณะ ชื่อวิชาเอก ให้ถูกต้องชัดเจน
4. เน้นกิจกรรมขณะเรียน
ในเรซูเม่ ให้เขียนกิจกรรมที่ได้ทำในมหาวิทยาลัยลงไป โดยเน้นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคณะ และวิชาเอกของเราเป็นพิเศษ ใส่เฉพาะกิจกรรมที่จะมีประโยชน์เป็นอย่างมากกับตำแหน่งฝึกงานที่เรากำลังสมัครอยู่
ส่วนพวกดูหนังฟังเพลง ไปเที่ยว ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่มีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานไหนเลย ใส่หรือไม่ใส่ก็มีค่าเท่ากัน แต่ส่วนใหญ่แล้วคนที่เขียนเรซูเม่เก่ง ๆ ก็เลือกที่จะไม่ใส่มันลงไป เพราะมันกินที่เรื่องอื่นๆของเขา
5. ใส่ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลติดต่อให้ครบ
ถ้าหากว่าเราเขียนเรซูเม่มาอย่างดีแล้ว แต่ดันไม่ใส่ ข้อมูลติดต่อของเรา ก็จะไม่มีใครติดต่อคุณกลับมาได้เลย ดังนั้นให้มั่นใจว่าเราใส่ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลติดต่อของเราให้ครบด้วย เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเองครับ
ข้อมูลที่คุณจะต้องใส่ได้แก่ ชื่อ นามสกุล หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล์ ที่อยู่ปัจจุบัน แต่นี้เอง ใส่ให้ครบด้วยนะครับ และ ตรวจทานซ้ำหลายๆรอบ ว่าเราใส่หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมล์ ที่สามารถติดต่อคุณได้จริงๆ อย่าใส่ผิด อย่าใส่เบอร์เก่าที่ไม่ใช้แล้วเด็ดขาด
6. ใช้ภาษาอังกฤษเขียนเรซูเม่
ในแวดวงธุรกิจการทำงาน เราจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกับชาวต่างชาติเหมือนกัน ไม่ได้จำกัดว่าเราจะได้ทำงานกับคนไทยเท่านั้น ขนาดบริษัทไทยๆ ที่พนักงานไทย 100% ในบางครั้งยังมีลูกค้าเป็นชาวต่างชาติเลย ซึ่งการ เขียนเรซูเม่ด้วยภาษาอังกฤษ นี้จะเป็นการบอกบริษัทกลายๆว่า คุณสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้
มีคนส่วนมากถามว่า ใช้ภาษาไทยไม่ได้เหรอ ภาษาพ่อภาษาแม่ ทำไมเราถึงใช้ไม่ได้ เดี๋ยวนี้ฝรั่งก็พูดไทยกันแล้ว อย่างในโรงหนังฝรั่งบางคนพูดไทยชัดกว่าเราอีก ฯลฯ ตอบให้ชัดๆก็คือ ได้ ใช้เรซูเม่ภาษาไทยได้ แต่โอกาสการได้งานของคุณจะน้อยลงทันที ยอมรับได้ไหมล่ะ ถ้ายอมรับได้ ก็ได้เลย ไม่ว่ากัน
แนะนำ: ศัพท์ภาษาอังกฤษ 6 คำที่จะทำให้เรซูเม่ของคุณ ทรงพลังขึ้นทันตา
7. ใช้ภาษาสุภาพ และเป็นทางการ
เรซูเม่ถือเป็นเอกสารที่เราส่งให้กับบริษัท เพื่อให้เขาพิจารณารับเราเข้าฝึกงาน เป็นการส่งเอกสารให้กับคนที่เราไม่รู้จักกันมาก่อนเลย ดังนั้นการที่เราจะใช้ภาษาที่พูดกับเพื่อนสนิทจึงไม่เหมาะสมอย่างเด็ดขาด “เฮ้ยมึงงง รับเด็กฝึกงานป่ะ กุว่างอยู่นะ” อะไรแบบนี้ส่งไปไม่ได้นะ บางบริษัทโกรธมาก ติดต่อกลับมาทางมหาวิทยาลัย ทำให้มหาวิทยาลัยไม่พอใจ เรียกคุณเข้าห้องเย็นไปอบรมอีก ถ้าร้ายแรงมากก็อาจจะสอบตกวิชาฝึกงาน ก่อนที่จะได้ฝึกงานจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ