การหางานหลังจากจบการศึกษาแล้ว ถือว่าเป็นโลกใบใหม่ของเด็กจบใหม่ทั้งหลาย ที่ยังรอการเรียนรู้อยู่อีกมาก และยังต้องใช้ความรู้ความสามารถหลายๆอย่าง การเขียนเรซูเม่สมัครงาน ก็ถือเป็นหนึ่งเรื่องที่มหาวิทยาลัยไม่ได้สอนมา หรือสอนมาได้ไม่ดีพอ จึงพบเห็น ข้อผิดพลาดของเรซูเม่เด็กจบใหม่ ได้ทั่วๆไป
ทีมงาน Resume.in.th ขอยืนยันว่าความผิดพลาดเหล่านี้ สามารถแก้ไขได้ และคุณสามารถเขียนเรซูเม่ขึ้นมาใหม่ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ไม่ยาก หากคุณรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
1. ลืมใส่ชื่อตัวเอง ข้อมูลติดต่อ ลงในเรซูเม่
ข้อผิดพลาดที่เห็นบ่อยที่สุดเลยก็คือ การลืมใส่ชื่อตัวเอง หรือข้อมูลติดต่อ (ที่ถูกต้อง) ลงไปในเรซูเม่ของตัวเอง หลายๆคนส่งเรซูเม่สมัครงานไปกว่าร้อยบริษัท แต่ไม่ถูกติดต่อกลับมาเลยเพราะว่าเหตุนี้
แก้ปัญหาโดย:
คราวหน้า ใส่ชื่อของตัวเองลงในเรซูเม่ให้เรียบร้อย พร้อมทั้งข้อมูลติดต่อ ซึ่งใช้แค่เบอร์โทรศัพท์ และอีเมล์ก็เพียงพอแล้ว อย่าลืมตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้ดี อย่าให้มีสะกดผิด เพราะจะติดต่อไม่ได้
การสมัครงานในองค์กรส่วนมากเขาจะไม่ใช้ไลน์กัน และจะติดต่อผ่านโทรศัพท์และอีเมล์กันเป็นส่วนมาก ให้ไลน์ได้ แต่อีเมล์สำคัญกว่า
2. ใช้ฟอนต์อื่นๆในการเขียนเรซูเม่ ที่ไม่ใช่ฟอนต์มาตรฐาน
อีกข้อที่พบบ่อยมากๆในเรซูเม่ของเด็กจบใหม่ก็คือ การใช้ฟอนต์สวยๆ นี่ล่ะ ใครเคยใช้บ้าง ยกมือมาซะดีๆ
ซึ่งฟอนต์เหล่านี้อาจจะดูสวยงามในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ (ที่ลงฟอนต์นี้ไว้) แต่เมื่อใดที่คุณส่งเรซูเม่นี้ไปให้กับแผนกบุคคล ที่ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ขององค์กรล่ะก็ มีโอกาสสูงมากที่จะเปิดอ่านแล้วเป็นภาษาต่างดาว ทำให้อ่านไม่ออกจนต้องทิ้งเรซูเม่ของคุณไปในที่สุด
อันนี้รวมถึง คนที่ไปจ้างทำเรซูเม่สวยๆด้วยนะ พบบ่อยมากว่าใช้ทั้งฟอนต์ทั้งสีที่แผนกบุคคลอ่านไม่ออก ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ขอให้หลีกเลี่ยงด้วยนะครับ
แก้ปัญหาโดย:
ใช้ฟอนต์มาตรฐาน ที่ทุกเครื่องสามารถอ่านได้ ในการเขียนเรซูเม่
3. การไม่ยอมกรอกข้อมูลให้ละเอียด ครบถ้วน
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่พบเจอบ่อยมาก ซึ่งก็คือการไม่ยอมกรอกข้อมูลของตัวเองให้ละเอียด หรือแย่กว่านั้นคือในบางครั้งก็ไม่กรอกข้อมูลอะไรเลย
ซึ่งที่พบเจอบ่อยที่สุดเลยก็คือ การไม่ยอมกรอกข้อมูลประสบการณ์ทำงานของตัวเอง ตรงนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจผิดกันเยอะมาก
แก้ปัญหาโดย:
- กรอกข้อมูลให้ละเอียด ครบถ้วน
- กรอกข้อมูลฝึกงาน ลงไปในส่วนของประสบการณ์ทำงาน อย่าเว้นว่างๆ เปล่าๆ ไว้ ในเมื่อคุณมีข้อมูลตรงนี้ก็ขอให้ใส่มันลงไปด้วย
- กรอกข้อมูลการศึกษาของตัวเองให้ครบ ชื่อมหาวิทยาลัย ชื่อคณะ ชื่อวิชาเอก เกรดเฉลี่ย ฯลฯ อย่าเว้นส่วนใดส่วนหนึ่งให้ว่าง
4. การคิดไปเองว่า ฝ่ายบุคคลจะต้อง "อ่าน" เรซูเม่ของคุณ
นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่มีความเข้าใจผิดกันเยอะมาก เด็กจบใหม่ทั้งหลายมักจะคิดไปเองว่าเมื่อเราส่งเรซูเม่ไปให้กับพนักงานบุคคลแล้ว พวกเขาจะต้องอ่านทันที
แต่ในความเป็นจริงแล้ว บริษัทส่วนมากใช้ระบบฐานข้อมูลและซอฟท์แวร์เข้ามาช่วยในการจัดเก็บเรซูเม่ของผู้สมัครงาน ซึ่งตัวระบบนี้จะใช้คำค้นหาด้วยคีย์เวิร์ด เพื่อประมวลผล ดึงผู้สมัครที่มีคีย์เวิร์ดตรงกันกับแต่ละตำแหน่งออกมา แล้วค่อยอ่านต่างหาก
ซึ่งระบบเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงกับผู้สมัครบางคน
- เรซูเม่ที่ส่งเป็นไฟล์รูป (jpg, png, ฯลฯ) ระบบจะอ่านไม่ออก ไม่สามารถแกะตัวอักษรออกจากรูปได้ และจะโดนโยนทิ้งไปในที่สุด
- แนบไฟล์เรซูเม่ แต่ไม่กรอกข้อมูลในระบบ โดยคิดไปเองว่าข้อมูลทั้งหมดก็อยู่ในเรซูเม่แล้ว แต่บังเอิญระบบอ่านไฟล์เรซูเม่ไม่ออก เลยจบกัน โดนโยนทิ้งเหมือนกัน
แก้ปัญหาโดย:
ให้สร้างไฟล์เรซูเม่เป็นไฟล์ PDF ที่ระบบสามารถอ่านได้ นอกจากนี้หากสมัครงานบางบริษัทที่จะต้องกรอกข้อมูล ก็ให้กรอกข้อมูลให้ละเอียด ยิ่งกรอกข้อมูลเยอะเท่าไหร่ คุณยิ่งได้ประโยชน์มากเท่านั้น การเว้นว่างๆเอาไว้ไม่เป็นผลดีต่อใครเลย
5. ใส่รูปไม่สุภาพลงในเรซูเม่
เรซูเม่เป็นเอกสารสมัครงาน ที่ส่งให้กับคนที่เราไม่รู้จัก ดังนั้นจะต้องมีความเป็นทางการและสุภาพ รูปถ่ายก็เช่นกัน เมื่อคุณติดรูปตัวเองลงในเรซูเม่ ก็ขอให้ใช้เฉพาะรูปสุภาพจริงๆเท่านั้น นักศึกษาจบใหม่จำนวนมากใช้รูปที่ไม่สุภาพ เช่นรูปเซลฟี่ รูปแสดงท่าทางต่างๆในชุดครุย รูปยืนหันหลัง รูปกลุ่ม (ตกลงคนไหนสมัครเนี่ย) รวมไปถึงรูปตอนกินหมูกะทะ (ใครทำยอมรับมาซะดีๆ)
แก้ปัญหาโดย:
ใช้รูปติดบัตร ที่พื้นหลังเป็นสีเรียบๆ ติดลงในเรซูเม่ เป็นคำตอบสุดท้าย และคำตอบเดียว คุณสามารถอ่านเกี่ยวกับการใช้รูปในเรซูเม่เพิ่มเดิมได้ ที่บทความนี้ครับ
6. กรอกข้อมูลที่ "ไม่จำเป็น" มากเกินไป
ข้อผิดพลาดอย่างสุดท้ายที่พบบ่อยก็คือ การกรอกข้อมูลที่ไม่จำเป็น มากเกินไปนั่นเอง ซึ่งหลายๆคนบอกกับทีมงานว่า เห็นว่าเรซูเม่มันว่าง เลยกรอกข้อมูลลงไปให้มันเต็มและดูดี แต่อย่าลืมนะครับว่าสุดท้ายเมื่อมีคนอ่านเรซูเม่ฉบับที่ดูเต็มๆนี้ ก็จะพบว่ามีแต่ข้อมูลที่ไม่จำเป็น และจะส่งผลไม่ดีต่อเราอย่างแน่นอน
แก้ปัญหาโดย:
ให้ลองตรวจสอบลิสต์ต่อไปนี้ ว่ามันจำเป็น หรือแค่เติมลงไปให้เต็มเฉยๆ และมันมีประโยชน์ต่อตำแหน่งงานที่สมัคร มากขนาดไหน พอจะเอามันออกไปได้หรือไม่
- งานอดิเรก เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ไปเที่ยว
- รายชื่อเพลงที่ชอบฟัง
- ชื่อพ่อชื่อแม่ ที่อยู่พ่อ ที่อยู่แม่ รวมไปถึงชื่อปู่ย่าตายาย
- ชื่อวิชาที่เคยเรียนมาทุกวิชา รวมกันแล้ว 50 วิชา
- กิจกรรมที่ไม่ส่งผลบวกต่อตำแหน่งงานที่สมัคร
- เลขบัญชีธนาคารของตัวเอง
- แผนที่บ้านตัวเอง