สภาวะตลาดงานในขณะนี้มีการแข่งขันที่สูงและมีความรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กจบใหม่ ดังนั้น ประสบการณ์ฝึกงาน ที่ตรงสายกับตำแหน่งงานที่เราสมัคร จึงมีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก และสามารถสร้างความได้เปรียบให้คุณเหนือคู่แข่งได้เป็นอย่างดี
หลายๆคนอาจจะคิดว่าเราจะหางานได้อย่างไร เนื่องจากว่าเราไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน แต่คนอื่นมีประสบการณ์ทำงานมาอย่างโชกโชน เต็มไปหมด พวกเราชาวเว็บ Resume in Thai อยากจะบอกว่าตรงนี้ไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องนัก เพราะบริษัทจะรับตำแหน่งแยกกันตามประสบการณ์อย่างชัดเจน จูเนียร์ ซีเนียร์ หัวหน้างาน ผู้จัดการ ขึ้นไปจนถึง CEO ของบริษัท ที่จะดูประสบการณ์ทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และไม่นำมาแข่งกันข้ามรุ่นอย่างแน่นอน ดังนั้นคู่แข่งของคุณในตลาดหางานของเด็กจบใหม่ ก็คือเด็กจบใหม่ด้วยกันเอง
ดังนั้นคุณจะต้องทำให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นกว่าเด็กจบใหม่คนอื่นๆ ด้วยกันเอง ไม่ใช่ว่าเด่นเพราะว่าเรซูเม่สีสันฉูดฉาดหรอกนะ แต่ให้เด่นที่ข้อมูลของคุณ ที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ มากกว่า ซึ่งประสบการณ์ฝึกงานคือหนึ่งในสิ่งที่สำคัญที่สุด ลองมาดูกันว่าคุณสามารถใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ เหนือคู่แข่งคนอื่นๆ
ทำไมต้องใส่ประสบการณ์ฝึกงานในเรซูเม่?
ประสบการณ์ฝึกงานทำให้คุณมีอะไรที่จะเขียนลงในเรซูเม่ และทำให้ HR (ฝ่ายบุคคล) ในบริษัทที่คุณส่ง เรซูเม่สมัครงาน ไป ได้อ่านและทำความรู้จักเบื้องต้นกับคุณได้รวดเร็ว และคุณจะได้เปรียบชัดเจนเหนือคู่แข่งของคุณที่ไม่ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่เลยล่ะ
ทั้งนี้ หากคุณเลือกที่จะไม่ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่ของคุณ ก็เท่ากับว่าคุณปล่อยโอกาสที่คุณจะได้รับนี้ออกไปเปล่าๆ ให้ถามใจตัวเองอีกครั้งว่าต้องการจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ หรือจะปล่อยมันออกไปจริงๆ
แนะนำ: วิธีการใส่ข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลติดต่อลงในเรซูเม่ ที่ถูกต้อง
ใส่ประสบการณ์ฝึกงานตรงไหนในเรซูเม่ดี?
คุณจะต้องใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในส่วนของ ประสบการณ์ทำงาน และอาจจะใส่วงเล็บเอาไว้ด้วยว่าเป็นการฝึกงาน (Internship) เพื่อให้ HR สามารถรู้ได้ในทันทีที่อ่าน และประสบการณ์ฝึกงานนี้จะต้องอยู่สูงกว่าส่วนของ ประวัติการศึกษา ของคุณ
นี่จะเป็นข้อดีอีกข้อของประสบการณ์ฝึกงาน เพราะมันจะทำให้เรซูเม่ของคุณไม่ถูกเว้นว่างเอาไว้ในส่วนของประสบการณ์ทำงาน และการใส่ข้อมูลประสบการณ์ทำงานลงไปโดยที่ไม่ต้องรอให้ HR มาถามก่อนแล้วค่อยตอบ ถือเป็นการให้ข้อมูลที่ครบถ้วนของคุณไปในทีเดียว ซึ่งจะทำให้ตัวของคุณดูทำงานเรียบร้อย จบในทีเดียว
ใส่ประสบการณ์ฝึกงานอย่างไรดี?
ให้คุณทำเหมือนกับว่าประสบการณ์ฝึกงานของคุณ เป็นเสมือนหนึ่ง ประสบการณ์ทำงานของคุณ ให้ความสำคัญกับมันให้เต็มที่ด้วยการกรอกข้อมูลสำคัญๆต่อไปนี้ให้ครบถ้วน
- ชื่อบริษัท ที่อยู่: คุณจะต้องใส่ชื่อบริษัทที่คุณไปฝึกงานให้เต็ม อย่างเช่นถ้าคุณได้ฝึกงานที่ AIS ก็ให้ใส่ว่า "Advanced Info Services Public Company Limited" อย่าใส่ชื่อสั้นๆอย่าง เอไอเอส เด็ดขาด เพราะถือว่าเป็นการให้เกียรติบริษัทที่คุณฝึกงานมาแล้วด้วย
- วันที่ ที่ฝึกงาน: ใส่ให้ละเอียดว่าคุณฝึกงานตั้งแต่เดือนอะไร ปีอะไร ถึงเมื่อไหร่
- ตำแหน่งที่คุณฝึกงาน: ถ้าเป็นไปได้ให้ใส่ชื่อตำแหน่ง เช่น เด็กฝึกงานในแผนกการตลาด อย่าใส่สั้นๆ ว่าเด็กฝึกงาน เฉยๆ ถ้าไม่แน่ใจว่าตัวเองตำแหน่งอะไร ก็ให้ลองสอบถามหัวหน้า หรือ HR ของบริษัทที่คุณได้ไปฝึกงานดู
- หน้าที่ตอนฝึกงาน: คุณได้ทำอะไรบ้างตอนฝึกงาน ให้ใส่เป็นบุลเล็ต ประมาณ 2-4 บุลเล็ตเล่าว่าคุณได้ทำอะไรบ้างตอนฝึกงาน ถ้าแผนกของคุณทำอะไรสำเร็จได้บางอย่างในตอนนั้น ก็ให้ใส่มันลงไปด้วย
การใส่ข้อมูลเหล่านี้ ให้เน้นใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันกับตำแหน่งที่คุณกำลังจะสมัครด้วย เช่น ถ้าคุณกำลังสมัครตำแหน่งทางด้านโซเชียลมีเดีย ก็ให้ใส่ลงไปว่าคุณได้ทำอะไรเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียในตอนฝึกงานด้วย
ส่วนผู้ที่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสมัครงานอะไร และเลือกที่จะสมัครมันครอบจักรวาล คุณก็สามารถใส่ข้อมูลครอบจักรวาลได้ด้วยเช่นกัน
แนะนำ: วิธีเขียนเรซูเม่ฝึกงาน ให้โดนใจ ได้ฝึกงานบริษัทดี ๆ ตำแหน่งโดน ๆ
จะต้องใส่ประสบการณ์ฝึกงานในเรซูเม่ไปจนถึงเมื่อไหร่?
แนะนำว่าให้คุณใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่จนถึงเมื่อเวลาที่คุณมีประสบการณ์ทำงานไปแล้วประมาณ 3-4 ปี หรือผ่านมาแล้ว 2-3 บริษัท เมื่อถึงเวลานั้น ประสบการณ์ทำงานจริงๆ จะกลับมามีบทบาทสำคัญในเรซูเม่ของคุณ และการฝึกงานสั้นๆ นี้จะไม่มีความสำคัญในเรซูเม่ของคุณอีกต่อไป
เมื่อเห็นความสำคัญของประสบการณ์ฝึกงานแล้วล่ะก็ เด็กจบใหม่เขียนเรูซเม่ครั้งต่อไป ก็ให้ใส่ข้อมูลฝึกงานลงไปด้วยนะ จะทำให้เรซูเม่ของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นหลายเท่าตัวเลยล่ะ