เมื่อคุณกำลังเขียนเรซูเม่เพื่อสมัครงานอยู่ คุณก็จะถึงจุดที่ต้องเขียนในส่วนของ ประสบการณ์ทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของเรซูเม่สมัครงาน ในวันนี้พวกเราชาวเว็บ เรซูเม่ในไทย ก็ได้รวบรวมเทคนิคการเขียนส่วนประสบการณ์ทำงานที่ดี และได้ผลมากที่สุดในการสมัครงานมาไว้ที่นี่พร้อมแล้วครับ
ประสบการณ์ทำงาน คือส่วนที่สำคัญที่สุดของเรซูเม่
คุณรู้หรือไม่ว่าส่วนของประสบการณ์ทำงานนี่แหล่ะ เป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุดในเรซูเม่สมัครงาน โดยส่วนมากแล้วผู้ที่ประสบความสำเร็จในการทำงานจะใส่ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติการทำงานของตัวเองโดยใช้พื้นที่ไปมากกว่า 60% - 75% ของเรซูเม่เลยทีเดียว ถึงแม้ว่ามันจะเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดและดูเขียนยากที่สุดก็ตาม ทีมงานเรซูเม่ในไทย ก็ได้เตรียมข้อมูลที่อย่างเอาไว้ให้คุณแล้ว ลองอ่านบทความนี้เพื่อเขียนประสบการณ์ในการทำงานให้ดีขึ้นจนผิดหูผิดตาดูสิ
แนะนำ: เด็กจบใหม่ ใส่ประสบการณ์ฝึกงานลงในเรซูเม่อย่างไร ให้ได้เปรียบ
ใส่อะไรลงในประสบการณ์ทำงานดี
ส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้จะเป็นส่วนที่ เมื่อส่งให้กับ HR แล้ว พวกเขาจะมาอ่านตรงนี้อย่างค่อนข้างละเอียดว่า คุณได้ผ่านงานของบริษัทอะไรมาบ้าง และได้ทำงานในตำแหน่งอะไร มีหน้าที่การงานคร่าวๆเป็นอย่างไร เพื่อสร้างภาพรวมของผู้สมัครงานคนหนึ่งๆขึ้นมา
เรซูเม่ที่มีศักยภาพ มักจะมีส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้ ที่แสดงถึงการเติบโตในหน้าที่การงานของคุณ จากบริษัทแรกจนถึงบริษัทปัจจุบัน ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้สิ่งที่เกี่ยวข้องในสายงาน และสร้างสมประสบการณ์ในสายงานของคุณมากขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ HR มองคุณด้วยว่าคุณสามารถเรียนรู้เพื่อเติบโตต่อไปได้มากขนาดไหน
ผู้สมัครงานที่มีศักยภาพในการแข่งขันที่สูง ไม่จำเป็นที่จะต้องเก่งขึ้นในสายงานของตัวเองเพียงเท่านั้น แต่รวมไปถึงผู้ที่เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในสายงานอื่นๆข้างเคียงอีกด้วย
ดังนั้นส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้จึงเป็นพื้นที่ให้คุณแสดงความสามารถและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครอยู่ ซึ่งในบางครั้งคุณก็อาจจะไม่ใส่ประสบการณ์ทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่สมัครเลยก็ได้
HR มองหาอะไรในส่วนของประสบการณ์ทำงาน?
ซุนวูได้กล่าวเอาไว้ว่า "รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง" ซึ่งสามารถใช้ได้ในทุกวงการมาจนถึงยุคปัจจุบันนี้ รวมถึงการสมัครงานด้วย ซึ่งถ้าคุณ "รู้" ว่า HR ต้องการอะไรในส่วนนี้ คุณก็จะได้เปรียบกว่าคนอื่นที่ไม่รู้หลายกิโลเลยทีเดียว
สิ่งที่ HR อยากรู้จริงๆได้แก่
- คุณมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งงานที่สมัครหรือไม่
- คุณมีประสบการณ์ตรงกับที่สมัครหรือไม่
- ประสบการณ์ของคุณอยู่ในระดับไหน จูเนียร์ ซีเนียร์ หรือระดับบริหารจัดการ
- ประสบการณ์ของคุณที่ผ่านมา เหมาะสมกับเงินเดือนเท่าไหร่
ดังนั้นคุณจึงควรจะเขียนเรซูเม่ของคุณโดยคำนึงถึงจุดเหล่านี้เป็นหลัก และแน่นอนว่าอย่าลืมใส่รายละเอียด หรือคำเฉพาะต่างๆลงไปด้วย เพราะในองค์กรใหญ่หลายๆองค์กร ก็จะมีหัวหน้าในสายงานเข้ามาร่วมกับ HR เพื่อคัดเลือกเรซูเม่อีกด้วย
คุณรู้หรือไม่ว่า HR ส่วนใหญ่แล้วก็รู้หมดแหล่ะ ว่าตำแหน่งงานไหนทำหน้าที่อะไรบ้าง ดังนั้นการใส่ลงไปว่าเราทำอะไรบ้าง มันไม่ส่งทั้งผลร้ายและผลดีให้กับเราหรอก กลับกัน ให้ลองใส่ว่า คุณทำงานนั้นได้ดีอย่างไร ดูสิ รับรองว่าเด่นกว่าคู่แข่งของคุณเยอะมากแน่ๆ
ใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ทำงานให้เต็มที่
เวลาเขียนประสบการณ์ทำงาน ให้เขียนชื่อบริษัทที่คุณเคยทำงานด้วยทั้งหมด ชื่อตำแหน่ง แผนก ระยะเวลาที่แน่นอน (เดือน/ปี ก็พอ ไม่ต้องลงถึงวัน) และรายละเอียดในการทำงานนั้นๆ โดยให้เน้นใส่คำค้น (คีย์เวิร์ด) ที่สำคัญให้ครบถ้วน
ประสบการณ์ทำงานนี้ส่วนมากแล้วจะเขียนตามไทม์ไลน์ โดยเขียนประสบการณ์ทำงานล่าสุดอยู่ด้านบน และบริษัทแรกสุดอยู่ด้านล่าง ซึ่งในบางครั้งอาจรวมไปถึงประสบการณ์ฝึกงานอีกด้วย ถ้าการฝึกงานนั้นมีความเกี่ยวข้องกันกับตำแหน่งงานที่สมัคร
ในกรณีที่คุณผ่านการทำงานมาหลายบริษัท คุณไม่จำเป็นจะต้องใส่ข้อมูลบริษัททั้งหมดที่คุณเคยทำลงไปในเรซูเม่ของคุณ กลับกัน ให้คัดเลือกเฉพาะตำแหน่งงานที่ตรงกันกับตำแหน่งที่คุณกำลังสมัครอยู่ก็เพียงพอแล้ว
ใส่ประสบการณ์ทำงานย้อนหลังไปกี่ปีดี
ส่วนมากแล้วในการสมัครและสัมภาษณ์งาน จะใส่ประสบการณ์ย้อนหลังไปไม่เกิน 5-10 ปีเท่านั้น เพราะว่าส่วนมากแล้วผู้สมัครงานจะเติบโตขึ้นภายในระยะเวลาหนึ่ง และงานล่าสุดที่พวกเขาทำก็จะแตกต่างจากงานแรกออกไปค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าผู้ที่ผ่านการทำงานมานานกว่านั้น มีประสบการณ์ในสายงานที่ยาวนานจริงๆแล้วล่ะก็ สามารถใส่ลงไปได้
ในบางอุตสาหกรรม การใส่ประสบการณ์ทำงานย้อนหลังลงไปมากกว่า 10-15 ปี อาจส่งผลเสียให้กับคุณโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น ในสายงานเทคโนโลยี ถ้าคุณถนัดในเทคโนโลยีเก่าที่หมดอายุไปแล้ว มีจำนวนผู้ใช้ลดลงๆทุกปี บริษัทก็ไม่ค่อยอยากจะจ้างคุณในเงินเดือนที่สูงเป็นเวลานานอย่างแน่นอน
รายละเอียดการทำงาน สำคัญที่สุด
รายละเอียดของการทำงาน เป็นส่วนที่ HR ให้ความสนใจมากที่สุดในเรซูเม่ และให้เวลาอ่านมันมากกว่าส่วนอื่นๆอย่างชัดเจน เราทีทิปในการเขียนต่างๆดังนี้
- เวลาเขียนประสบการณ์ทำงาน ให้เขียนชื่อบริษัทที่คุณเคยทำงานด้วยทั้งหมด ชื่อตำแหน่ง แผนก ระยะเวลาที่แน่นอน (เดือน/ปี ก็พอ ไม่ต้องลงถึงวัน) และรายละเอียดในการทำงานนั้นๆ ให้ดี
- ให้เขียนรายละเอียดการทำงานออกเป็นหัวข้อๆ หัวข้อละ 1-3 ประโยค และใส่ประมาณ 3-5 หัวข้อต่อตำแหน่งการทำงานของคุณ
- ใช้คำค้น (คีย์เวิร์ด) ที่สำคัญให้ครบถ้วน
- แนะนำให้เขียนในภาษาอังกฤษ
- ให้ใช้ คำที่มีพลัง ที่ใช้ในการเขียนเรซูเม่ให้ได้ผลดียิ่งขึ้นกว่าเดิม
- แทนที่จะเขียนว่าหน้าที่ของคุณคืออะไรบ้าง ลองเขียนใหม่ให้เน้นว่าคุณมีความสามารถอะไรบ้าง และใช้ความสามารถนั้นในการทำอะไรให้แผนก หรือบริษัทของคุณบ้าง
- พูดถึงความสำเร็จต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณลูกค้าที่เพิ่มขึ้น ความพึงพอใจของลูกค้าที่มากขึ้น หรือยอดที่ขายได้ เป็นต้น
ตัวอย่างประสบการณ์ทำงาน
Pizza Hut, Newark, NJ
2005–2009
- Worked passionately in customer service in a high-volume restaurant.
- Completed the F.A.S.T. customer service training class.
- Maintained a high tip average thanks to consistent customer satisfaction.
Pizza Hut, Newark, NJ
2005–2009
- ทำงานอย่างมีความสุขในสายงานบริการ ที่ดูแลสาขาร้านพิซซ่า ที่มีลูกค้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก.
- ได้เรียนรู้ การฝึกอบรมพนักงาน ที่ชื่อ F.A.S.T. customer service.
- ได้รับทิปในระดับที่สูง เนื่องจาก ระดับความพึงพอใจของลูกค้าสูงอยู่ตลอด.
Black Knight Financial Services, Jacksonsville, FL
2010–2018
- Designed and developed up to 10 applications projects per year.
- Designed project requirements in cooperation with data analysis teams.
- Participated in project meetings, with technical staff members, business analysts, and external stakeholders.
- Trained and mentored over 15 junior programmers and developers.
Black Knight Financial Services, Jacksonsville, FL
2010–2018
- ออกแบบและพัฒนาโปรแกรม สูงถึง 10 โปรเจกต์ต่อปี.
- ตกลงความต้องการของลูกค้า โดยประสานงานกับแผนกที่เกี่ยวข้อง
- เข้าร่วมประชุมโปรเจกต์ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมจากหลายแผนก.
- สอนงานและดูแลน้องใหม่ 15 คน ซึ่งรวมไปถึงโปรแกรมเมอร์ และเดฟ
River Tech
2013–2017
- Separated, labeled and verified count of incoming deliveries, contributing to a 15% decrease in counting errors
- Created dynamic inventory system that ensured product levels supported demand without overstocking.
- Responsible for construction of sturdy, balanced pallet loads for shipping.
- Developed backup training on computerized inventory system resulting in 25% decrease in onboarding time.
River Tech
2013–2017
- คัดแยกสินค้า ติดบาเบล และตรวจสอบจำนวนสินค้า ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดน้อยลง 15%
- สร้างระบบตรวจสอบสินค้าคงคลัง ส่งผลให้สามารถส่งสินค้าได้มากพอ โดยที่ไม่ต้องสต็อกสินค้ามากเกินความจำเป็น
- รับผิดชอบการก่อสร้างอุปกรณ์ขนส่งที่แข็งแรงและมั่นคง
- สร้างระบบเรียนรู้ผ่านคอมพิวเตอร์ ที่ส่งผลให้การนำสินค้าขึ้นรถรวดเร็วขึ้น 25%
เห็นไหมครับว่าเราสามารถเขียนประสบการณ์ทำงานของเราให้ได้ดียิ่งขึ้นกว่าการเขียนธรรมดา แค่เปลี่ยนเทคนิคการเขียนนิดหน่อย ให้เขียนว่าเราทำงานแต่ละงานได้ดีขนาดไหน ยังไงถ้าได้อ่านบทความของพวกเราแล้วยังเจอว่าเรซูเม่ของคุณยังเขียนแบบเดิมอยู่ล่ะก็ ขอให้ลองกลับไปแก้นะครับ บางครั้งอาจได้งานใหม่ หรือหน้าที่ใหม่ในบริษัทเดิมที่เงินเดือนสูงขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะ พวกเราเป้นกำลังใจให้ครับ