เมื่อคุณกำลังจะเขียนเรซูเม่เพื่อสมัครงาน แต่คุณไม่ค่อยจะแน่ใจเท่าไหร่นักว่าจะต้องใส่ข้อมูลอะไรลงไปบ้าง คุณอาจจะประหม่าเมื่อไม่รู้ว่าจะใส่อะไรลงไปดี หรือไม่ใส่อะไรลงไปดี เพื่อให้ เรซูเม่หนึ่งหน้า ของคุณสมบูรณ์แบบ และพร้อมใช้ส่งให้บริษัทเพื่อสมัครงานในฝันของคุณ
ในวันนี้ พวกเราชาว Resume.in.th มาสรุปรายละเอียดชัดเจนเป็นข้อ ๆ ให้แล้ว ว่าเราควรจะใส่ข้อมูลอะไรลงในเรซูเม่สมัครงานบ้าง เพื่อให้คุณสามารถสร้างเรซูเม่ดี ๆ ของตัวเองได้
1. ข้อมูลติดต่อ
ข้อมูลติดต่อ และข้อมูลส่วนตัว ถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในเรซูเม่ของคุณ นั่นคือคุณจะต้องแนะนำตัวเองให้กับบริษัทรู้ว่า คุณชื่ออะไร อยู่ที่ไหน และสามารถติดต่อคุณได้ทางไหนบ้าง ข้อมูลติดต่อ และข้อมูลส่วนตัวของคุณควรจะมีความยาวไม่เกิน 3-4 บรรทัด
- ชื่อ นามสกุล
- เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และอีเมล์
- ที่อยู่อย่างละเอียด
เน้นว่าเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ และอีเมล์ของคุณมีความสำคัญมาก เมื่อบริษัทได้รับเรซูเม่ของคุณ และสนใจอยากเรียกคุณเข้าไปสัมภาษณ์ เขาจะติดต่อคุณได้ก็ต่อเมื่อคุณให้เบอร์โทรที่ถูกต้องกับเขาไป
ที่อยู่สำคัญรองลงมาเป็นอันดับสอง เพราะบริษัทจะดูคร่าว ๆ ว่าคุณอยู่แถวไหน เขตไหน จังหวัดไหน และสามารถเดินทางไปทำงานที่บริษัทเขาได้อย่างสะดวกหรือเปล่า
2. จุดมุ่งหมายในการทำงาน (Career Objective)
จุดมุ่งหมายในการทำงาน ก็คือเป้าหมายในการทำงานของคุณ เป็นข้อความที่สรุปใจความของเรซูเม่คุณทั้งฉบับ ลงมาเป็นประโยคไม่กี่ประโยค ยาวเพียง 1-2 บรรทัดเท่านั้น ความยาวนี้ส่วนมากแล้วจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ทำงานของคุณเป็นหลัก ถ้าคุณทำงานมาแล้ว 10 ปี ก็จะเขียนจุดมุ่งหมายแตกต่างจากนักศึกษาจบใหม่อย่างแน่นอน
ตัวอย่าง
นักศึกษาจบใหม่
ผู้ที่มีประสบการณ์ 7 ปี
3. ประสบการณ์ทำงาน
ประสบการณ์ทำงาน ถือเป็นส่วนหลักของเรซูเม่ของคุณเลยก็ว่าได้ คุณจะถูกเรียกสัมภาษณ์งาน หรือไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์งาน ก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ทำงานนี่แหล่ะ
ส่วนของประสบการณ์ทำงานนี้จะต้องเป็นส่วนที่มีความยาวมากที่สุดในเรซูเม่ของคุณ แต่ก็ไม่ต้องให้มันยาวเกินไปหรอกนะ ให้แบ่งออกเป็นงาน ๆ ตามประสบการณ์ของคุณ
เมื่อแบ่งออกเป็นงานๆแล้ว ก็ให้ใส่รายละเอียดว่าคุณได้ทำอะไรในงานนั้น ๆ มาบ้าง สำหรับตำแหน่งที่คุณภูมิใจเป็นพิเศษก็สามารถใส่รายละเอียดเป็นบุลเล็ตประมาณ 6-10 บุลเล็ตได้เลย ส่วนงานอื่นๆ 3-6 บุลเล็ตก็เพียงพอแล้ว
สำหรับนักศึกษาจบใหม่ไม่มีประสบการณ์ ก็ให้ใส่ ประสบการณ์ฝึกงาน ของตัวเองลงไปแทน ใส่ลงไปด้วยว่าคุณได้ทำอะไรในตอนฝึกงานมาบ้าง สรุปเป็นหัวข้อ ๆ 3-6 บุลเล็ตก็เพียงพอแล้ว
4. การศึกษา
คุณจะต้องใส่ ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา ของคุณลงในเรซูเม่ แต่ก็ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะมากนัก ยกเว้นแต่ว่าคุณกำลังสมัครงานในวงการศึกษา ข้อมูลการศึกษาที่คุณจะต้องใส่ลงไปได้แก่
- ชื่อสถานศึกษา + ปีที่จบการศึกษา
- ชื่อวุฒิ (ป.ตรี, ปวส, ปวช, ฯลฯ)
- ชื่อคณะ วิชาเอก วิชาโท
และยังรวมถึงคอร์สเรียนระยะสั้น หรือใบ Certificate ที่คุณได้มาด้วย
5. สกิล และความสามารถพิเศษต่างๆ
สกิลทางด้านภาษา เช่นคุณสามารถสื่อสารภาษาอะไรได้บ้าง ถ้าคุณพูดได้ถึงสามภาษา ก็ใส่มันลงไปให้หมด หรือถ้าคุณพูดได้สองภาษา ไทยและอังกฤษ ก็ให้ใส่มันลงไปด้วย คุณจะภาษีดีกว่าคนที่พูดได้เพียงภาษาเดียว ส่วนคนที่ไม่ใส่ข้อมูลอะไรเลยจะเสียเปรียบที่สุด ถ้าพูดภาษาอะไรได้ก็ใส่มันลงไปนะครับ
สกิลทางด้านอื่นๆ และความสามารถพิเศษต่างๆรวมไปถึง
- สามารถขับรถโฟล์คลิฟท์ได้
- มีใบอนุญาตขับรถแข่ง
- มีใบอนุญาตวิศวกร
- มีใบอนุญาตสถาปนิก
- มีใบอนุญาตเภสัชกร
สกิลอื่น ๆ นี้ขอให้เป็นสกิลที่ตรงกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครอยู่เท่านั้น ถ้าเป็นสกิลที่ไม่ตรง ใส่ไปก็ไม่มีผลอะไร แต่ถ้าใส่เยอะเกินก็จะถูกมองว่าเป็นเรซูเม่ที่ไม่มีคุณภาพได้
6. รางวัลต่างๆที่คุณเคยได้รับมา
รางวัลต่าง ๆ ที่คุณเคยได้รับมา มีหน้าที่ทำให้เรซูเม่ของคุณดูดีขึ้นโดยรวมเท่านั้น ไม่ได้มีน้ำหนักมากจนทำให้คุณสามารถได้งานได้ทันที ยกเว้นเสียแต่ว่าเป็นรางวัลที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับตำแหน่งงานที่คุณกำลังสมัครอยู่
รางวัลที่ไม่มีประโยชน์: ชนะเล่นดนตรี ศิลปะ ร้อยกรอง
รางวัลที่มีประโยชน์: ชนะประกวดเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์
รางวัลที่มีประโยชน์: นักขายดีเด่นของบริษัท
สรุป
นี่คือ 6 สิ่งที่คุณควรจะใส่ลงไปในเรซูเม่สมัครงานของคุณ ถ้าคุณกำลังเขียนเรซูเม่เอง แล้วใส่ข้อมูลไม่ครบทั้ง 6 สิ่งนี้ ก็ให้กลับไปแก้ไข และเพิ่มข้อมูลให้ครบ อย่าปล่อยเว้นไว้ว่างๆ เพราะคุณจะเสียโอกาสในตรงนี้ไป